“เมนส์มา ลาได้” กรมสวัสดิการฯ ชวนนายจ้างเพิ่มสิทธิวันลา-สวัสดิการผ้าอนามัยเพื่อลูกจ้างหญิง

ยัน ไม่ใช่การบังคับ แต่ให้ทุกจังหวัดเร่งขอความร่วมมือ หวังอนาคตผลักดัน สู่การแก้ไขกฎหมาย ยกระดับคุณภาพชีวิตแรงงาน

จากกรณีโลกออนไลน์แชร์หนังสือเร่งด่วนจากกระทรวงแรงงาน ส่งถึงทุกจังหวัด ระบุว่า

กระทรวงแรงงาน มอบหมายให้กรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน ดําเนินการตามข้อเสนอเนื่องในวันผู้อพยพย้ายถิ่นสากล (28 ธ.ค.ของทุกปี) ของเครือข่ายภาคเหนือ จํานวน 9 ข้อ ต่อรัฐบาล และหน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้เกิดการแก้ปัญหาที่แรงงานข้ามชาติเผชิญอยู่ในปัจจุบันอย่างเป็นรูปธรรม โดยในข้อเสนอ ข้อ 8 เสนอให้มีการส่งเสริม และพัฒนาคุณภาพชีวิตแรงงานหญิง โดยกําหนดให้การลาหยุดเนื่องจากวันที่มีประจําเดือน เป็นวันลาที่ได้รับค่าจ้าง และกําหนดให้นายจ้างจัดให้มีผ้าอนามัยเป็นสวัสดิการที่ลูกจ้างหญิงทุกคนเข้าถึงได้ฟรี

กรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน พิจารณาแล้วเห็นว่าเพื่อเป็นการสร้างเสริมคุณภาพชีวิตที่ดี ลดความเหลื่อมล้ำในการเข้าถึงผ้าอนามัยของลูกจ้างหญิง และเพื่อเป็นการส่งเสริมสุขอนามัยเจริญพันธุ์ในเพศหญิง เห็นควรมอบหมายให้สํานักงานสวัสดิการ และคุ้มครองแรงานจังหวัด ประชาสัมพันธ์ เชิญชวนนายจ้าง กำหนดให้การลาหยุดเนื่องจากวันที่มีประจําเดือนเป็นวันลาที่ได้รับค่าจ้าง และกําหนดให้นายจ้างจัดให้มีผ้าอนามัยเป็นสวัสดิการที่ลูกจ้างหญิงทุกคนเข้าถึงได้ฟรี

The Active ตรวจสอบไปยัง กองสวัสดิการแรงงาน กลุ่มงานส่งเสริมสวัสดิการ กระทรวงแรงงาน ยืนยันว่า หนังสือฉบับดังกล่าว เป็นหนังสือเร่งด่วนตามประกาศจริง แต่ยังไม่ได้มีผลบังคับใช้ตามกฎหมาย เป็นการขานรับข้อเสนอจากเครือข่ายภาคเหนือ เนื่องจากปัจจุบันสิทธิการลาหยุดเนื่องจากวันที่มีประจำเดือนยังไม่มีการแก้ไขในกฎหมายแรงงาน จึงเห็นชอบให้กรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานจังหวัด ทุกจังหวัด เร่งประชาสัมพันธ์ ส่งเสริม ให้ความรู้กับนายจ้าง พร้อมทั้งรายงานความคืบหน้า หากมีนายจ้างเปลี่ยนแปลงในระเบียบ ข้อบังคับ ก็จะถือเป็นการยกระดับคุณภาพชีวิตของลูกจ้างหญิง หรือการแก้ไขกฎหมายในอนาคต

#เมนส์มาลาได้ จากจุดเริ่มต้นของแรงงานหญิงภาคเหนือ
เมื่อ ‘ประจำเดือน’ เป็นช่วงเวลาที่ร่างกายอ่อนแอ

จุดเริ่มต้นของการเรียกร้องฎหมายให้คนมีประจำเดือนสามารถลางานได้เมื่อถึงรอบการเป็น มาจากภาคประชาชนที่เรียกตัวเองว่า กลุ่มคนงานหญิงเพื่อความยุติธรรม ยิน คิดสัน เป็นการรวมของแรงงานหญิงในภาคเหนือทั้งไทย และข้ามชาติ เพื่อร่วมขับเคลื่อนและทำให้คุณภาพชีวิตดีขึ้น ซึ่งข้อเรียกร้องของกลุ่ม คือ

  • ให้แรงงานทุกคนในช่วงที่มีประจำเดือน สามารถลางานได้ 3-5 วัน

  • เด็กและสตรี อาจเป็นกลุ่มเป้าหมายหลักในการทำงาน เช่น แจกผ้าอนามัยฟรีทั่วประเทศ

  • รัฐต้องจัดสวัสดิการให้เด็กทั่วหน้า จัดที่พักฉุกเฉินให้เด็กและสตรีที่ได้รับผลกระทบจากความรุนแรง ฯลฯ

“เราตัดสินใจเพิ่มข้อกฎหมายในกฎหมายคุ้มครองแรงงาน เพราะว่าถ้าจะแก้กฎหมายมันต้องผ่านสภา ผ่านอะไรหลายๆ อย่าง เป็นระดับประเทศเลย ถ้าอย่างนั้นก็เพิ่มเข้าไปที่กฎหมายคุ้มครองแรงงานแทน เพราะมีกำหนดวันหยุดวันลาอยู่แล้ว แค่เพิ่มอันนี้เข้าไปเฉยๆ”

สำหรับเป้าหมายที่กลุ่มคนงานหญิงฯ ตั้งไว้ เพื่อที่จะสามารถยื่นเพิ่มกฎหมายหมายได้ คือการเข้าชื่อเพื่อเสนอกฎหมาย แต่ยอมรับว่าเป็นเรื่องยากมาก ปัจจุบันมีเพียง 2,000 รายชื่อเท่านั้นที่รวบรวมมาได้ หลังจากที่ผลักดันเรื่องนี้มาเกือบ 2 ปี

ภาคการศึกษาหนุน ‘ปวดประจำเดือน ลาหยุดเรียนได้’ โดยไม่กระทบการเรียน

ก่อนหน้านี้ในปี 2566 องค์การนักศึกษามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ได้ออกหนังสือขอให้มหาวิทยาลัยพิจารณาข้อเสนอ “เรื่องการกำหนดให้มีวันลาหยุดสำหรับผู้มีประจำเดือน” เช่นกัน เนื่องจากพบว่ามีนักศึกษาผู้มีประจำเดือนมีอาการต่างๆ เช่น ปวดท้อง ปวดศีรษะ ปวดกล้ามเนื้อและข้อต่อ ท้องอืด ท้องผูกหรือท้องเสีย เหนื่อยล้า อ่อนเพลีย อารมณ์แปรปรวนวิตกกังวลง่าย มีพฤติกรรมแยกตัวจากเพื่อน ครอบครัว หรือคนรอบข้าง ไม่มีสมาธิ ไม่กระตือรือร้น ทำให้ไม่สามารถเข้าเรียนหรือดำเนินชีวิตได้ตามปกติในช่วงระยะเวลาของการมีประจำเดือน ซึ่งนักศึกษามีความตั้งใจที่จะเข้าศึกษาในชั้นเรียน แต่ไม่สามารถเข้าเรียนในชั้นเรียนได้เนื่องจากมีอาการดังกล่าว

ทั้งนี้ ฝ่ายวิชาการฯ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ได้มีการพิจารณาแล้วเห็นความสำคัญและความจำเป็นของนักศึกษาที่ได้รับผลกระทบจากภาวะดังกล่าวข้างต้น จึงขอความร่วมมือคณะ สถาบัน วิทยาลัย แจ้งอาจารย์ผู้สอนพิจารณาอนุญาตให้นักศึกษาผู้มีประจำเดือนที่ได้รับผลกระทบจากอาการดังกล่าวสามารถลาหยุดได้โดยไม่กระทบกับการจัดการเรียนการสอน

ปวดท้องประจำเดือน เรื่องใหญ่กว่าที่คุณคิด

อ้างอิงจากบทความสุขภาพ โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ ระบุว่า ผู้หญิงจำนวนมากมีอาการปวดท้องก่อนมีประจำเดือน 1-2 วัน และระหว่างมีประจำเดือนในช่วงวันแรก ๆ อาการปวดประจำเดือน (dysmenorrhea) มีตั้งแต่อาการปวดหน่วงหรือปวดเกร็งเล็กน้อย ไปจนถึงอาการปวดขั้นรุนแรงบริเวณท้องน้อยและอาจมีอาการอื่นร่วมด้วย เช่น ปวดหลังด้านล่าง คลื่นไส้อาเจียน เหงื่อออก ท้องเสียหรือท้องผูก ท้องอืด เวียนศีรษะและปวดศีรษะ เป็นต้น

โดยสาเหตุของการปวดประจำเดือน จะเกิดขึ้นเฉลี่ยทุก ๆ 28 วัน หากไข่ไม่มีอสุจิมาผสม เยื่อบุโพรงมดลูกจะหลุดลอกออกมาเป็นประจำเดือน อาการปวดประจำเดือนเกิดจากสารที่ออกฤทธิ์คล้ายฮอร์โมน ชื่อว่า โพรสตาแกลนดิน (prostaglandin) ซึ่งก่อตัวขึ้นที่เยื่อบุโพรงมดลูกระหว่างมีประจำเดือน โพรสตาแกลนดินทำให้กล้ามเนื้อบีบตัวและหดเกร็งคล้ายกับอาการเจ็บปวดขณะคลอดบุตร นอกจากนี้ยังทำให้เกิดอาการคลื่นไส้ ท้องเสีย หากร่างกายหลั่งสารนี้ในปริมาณมากจะยิ่งเพิ่มความรุนแรงของอาการบีบรัด ทำให้รู้สึกปวดประจำเดือนยิ่งขึ้น

Author

Alternative Text
AUTHOR

The Active

กองบรรณาธิการ The Active

OSZAR »